ผู้คิดค้นระบบการพิมพ์ลิโธกราฟคืออลัวส์เซเนเฟลเดอร์ คิดค้นเมื่อปี 1798 ซึ่งเป็นระบบการพิมพ์แบบใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ศตวรรษที่15 ที่ได้มีการคิดค้นการพิมพ์แบบเลตเตอร์เพรสส์
ในสมัยแรกๆของการพิมพ์ลิโธกราฟ จะใช้หินปูน (limestone) มาเป็นฐานรับ เลยเป็นที่มาของชื่อว่าการพิมพ์หิน ซึ่งในภาษาอังกฤษเรียกว่า lithography หรือ lithos ที่มาจากภาษากรีกโบราณซึ่งแปลว่าหิน
ในสมัยแรกๆ ของการพิมพ์ลิโธกราฟจะนำภาพต้นฉบับมาเขียนด้วยน้ำมันหรือไขมันลงบนหินแม่พิมพ์ก่อน แล้วใช้สารที่เป็นกรดละลายลงบนผิวหินให้เป็นรูปที่ต้องการหลังจากนั้นจึงใช้กัมอารบิก (Gum arabic) ชนิดเหลวทางลงบนแม่พิมพ์ส่วนที่ไม่ใช่น้ำมันหรือไขมัน
หลังจากนั้นจะผนึกแม่พิมพ์เก็บไว้ เมื่อใช้พิมพ์ ส่วนที่เป็นน้ำจะติดบนกัมอารบิกแต่จะไม่ติดกับแม่พิมพ์ส่วนที่เป็นน้ำมัน แต่ในทางกลับกันน้ำมันจะติดบนแม่พิมพ์ในส่วนที่มีน้ำมัน แล้วจึงนำมาพิมพ์ต่อไป
ลักษณะเฉพาะของการพิมพ์ลิโธกราฟก็คือใช้วิธีแยกน้ำมันและน้ำออกจากกันในการพิมพ์ ส่วนที่เป็นลวดลายจะดูดหมึกและแยกน้ำออก ส่วนที่ไม่มีลวดลายก็จะดูดน้ำและแยกหมึกออก ดังนั้นจึงสามารถพิมพ์ออกมาละเอียดกกว่าการพิมพ์แบบเลตเตอร์เพรสส์
ขนาดของความละเอียดจึงเล็กกว่า และเป็นเพราะว่ามีความละเอียดเล็กกว่าจึงทำให้เวลาพิมพ์สีต่างๆเข้าด้วยกันก็จะสวยงามกว่าการพิมพ์แบบเลตเตอร์เพรสส์ และมีคุณภาพเทียบเท่าภาพถ่าย
แต่เพราะมีข้อจำกัดของเครื่องพิมพ์ ในปัจจุบันการพิมพ์ลิโธกราฟจึงพิมพ์ได้ใบต่อใบ ไม่เหมือนการพิมพ์แบบเลตเตอร์เพรสส์ที่สามารถพิมพ์ได้เป็นม้วนๆ และสำหรับบางคนอาจจะเกิดความไม่สะดวกในการใช้งาน เพราะข้อจำกัดของเครื่องที่สามารถทำได้แค่การพิมพ์เพียงอย่างเดียว
ไม่สามารถจัดการ การพิมพ์ การเคลือบ การตัดรูปทรงในเครื่องเดียวเหมือนเครื่องพิมพ์แบบเลตเตอร์เพรสส์ได้ ทำให้เมื่อมีความต้องการตัดรูปทรงก็ต้องสั่งทำแม่พิมพ์สำหรับการตัดรูปทรงในกระบวนการผลิตเพิ่มอีก นอกจากนี้กระบวนการผลิตก็ยังเสียเวลามากกว่าวิธีทั่วไป
จึงทำให้มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าอีกด้วย
|